ปิกนิกนอกบ้านแบบสุขใจ

ปัจจุบันการทำงานต่อเนื่องในแต่ละเดือนของมนุษย์เงินเดือนทั้งหลาย อาจส่งผลต่อความเครียดได้แบบสะสม เพราะนอกจากเหนื่อยเรื่องการทำงาน ยังเหนื่อยกับการเดินทางในแต่ละวันอีก ยิ่งถ้าพูดถึงคนที่ทำงานในกรุงเทพมหานครด้วยแล้ว การเดินทางเป็นอะไรที่ต้องวางแผนล่วงหน้า และกำหนดเวลาเผื่อไว้ด้วย จากที่รถติดอยู่เป็นประจำ การทำงานจึงต้องเหนื่อยมากกว่าคนทำงานแถวชานเมือง การวางแผนพักผ่อนสำหรับวันหยุดของคนทำงานประจำ บางคนอาจจะเลือกนั่งฟังเพลง หรือนั่งดูหนังอยู่ที่บ้านเพื่อพักผ่อน บางคนเลือกไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ ในวันหยุด การเลือกไปท่องเที่ยวอาจจะเป็นแบบไปหาร้านนั่งกินอาหาร กินกาแฟ หรือแบบเตรียมของไปปิกนิกกับครอบครัวก็ได้
การเที่ยวแบบปิกนิกเป็นการเที่ยวแบบประหยัดและสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ ใช้เงินไม่เยอะมาก ยกตัวอย่าง ไปปิกนิกที่สาธารณะที่เปิดให้นำอาหารนำขนมเข้าไปนั่งกินได้ คุณก็เตรียมอาหารจากที่บ้านไปเลย เช่น ทำแซนวิชไส้ต่าง ๆ ที่คุณชอบ ทำไก่ย่าง หมูทอด สลัด ข้าวผัด หรืออาหารอื่นที่ไม่หกเลอะเทอะ ใส่กล่องปิดผา เตรียมน้ำผลไม้ น้ำอัดลม น้ำเปล่า น้ำแข็ง ขนมอบ ขนมสำหรับเด็ก ผลไม้ที่ปอกแล้วใส่กล่องให้เรียบร้อย เตรียมจาน ชาม ช้อนส้อม แก้วน้ำ เสื่อ หรือเก้าอี้สนามไปด้วยเผื่อให้เด็กนั่งดูหนังหรือเล่นเกมในมือถือ การปิกนิกเป็นการพักผ่อนนอกบ้านแบบสบายๆ เราสามารถเลือกสถานที่ที่มีทุ่งหญ้า มีสวนดอกไม้ ใกล้น้ำตก หรือแบบอื่นที่คุณชอบ เพื่อหลีกหนีจากความวุ่นยวาย การไปปิกนิกนอกบ้านเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีในครอบครัว เพราะทุกคนจะมีส่วนร่วมในการเตรียมของ การจัดของ การเลือกสถานที่ และการเลือกอาหารไปกินร่วมกัน ปิกนิกนอกบ้านเราก็จะเจอกับเพื่อนใหม่ที่เขาก็พาครอบครัวมาปิกนิกเหมือนกัน บางครั้งได้รู้จักเพื่อนใหม่ ได้แลกเปลี่ยนอาหาร แลกเปลี่ยนขนมกัน เป็นการสร้างมิตรภาพใหม่ที่ดีและน่าประทับใจด้วย
วันหยุดอาทิตย์ละหนึ่งวัน เราควรวางแผนเลือกพักผ่อนให้ดี เนื่องจากหยุดแค่วันเดียว บางคนแค่อยู่บ้านทำงานบ้าน ซักผ้า รีดผ้า เวลาก็หมดแล้วหนึ่งวัน การวางแผนเที่ยวในวันหยุดแค่วันเดียว การเที่ยวแบบปิกนิกเป็นทางเลือกที่ง่ายและสะดวก ไม่ต้องใช้งบประมาณมาก เหมาะกับการเที่ยวในวันเดียว เพราะเราต้องการแค่ไปนั่งปูเสื่อกินข้าว กินขนม ร่วมกันกับครอบครัวในบรรยากาศที่แปลกใหม่จากบ้านเราเอง ยิ่งครอบครัวที่มีลูกหลายคน การไปเที่ยวแบบปิคนิคทำให้เด็กได้เรียนรู้และสัมผัสกับธรรมชาติมากขึ้น ได้รับอากาศบริสุทธิ์แตกต่างจากที่บ้านซึ่งไม่มีพื้นที่ให้วิ่งเล่น อยู่แต่ในห้องแอร์ เด็กอาจจะเป็นภูมิแพ้ได้ การเลือกไปเที่ยวตามธรรมชาติ ส่งผลต่อร่างกายและจิตใจของคนในครอบครัวด้วย เนื่องจากกิจวัตรประจำวันที่ทุกคนต้องตื่นแต่เช้าออกไปทำงาน เด็กออกไปโรงเรียน กลับมาก็อยู่แต่ในบ้าน ใช้ชีวิตอยู่ในบ้านหกวันต่อสัปดาห์ เพียงแค่วันหยุดหนึ่งวันที่ครอบครัวได้เปลี่ยนบรรยากาศ ออกไปสัมผัสกับธรรมชาติกับสิ่งแวดล้อมที่ดี ส่งผลต่ออารมณ์และพัฒนาการของเด็กตามไปด้วย ส่วนผู้ใหญ่ก็เป็นการผ่อนคลายความเครียดสะสมที่ได้จากที่ทำงานมาตลอดทั้งหกวันเช่นกัน การพักผ่อนแบบเที่ยวปิกนิกจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ครอบครัวส่วนใหญ่เลือกทำในวันหยุดเพียงแค่หนึ่งวัน หากมีวันหยุดต่อเนื่องหลายวันค่อยเลือกเที่ยวแบบไปนอนพักค้างคืน